ราคาทองคําช่วงเช้าเคลื่อนไหวไม่ไกลจากระดับตํ่าสุดรอบ 1 เดือน โดยสินทรัพย์ปลอดภัยทั้งเงินเยน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และทองคําถูกลดความน่าสนใจลง เนื่องจากความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนมีความคืบหน้าที่ดีขึ้น เริ่มตั้งแต่จีนยอมซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐมากขึ้น รวมถึงบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยีของจีนได้ยกเลิกการฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐแล้ว หลังจากสหรัฐได้คืนอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมให้กับหัวเว่ย นอกจากนี้ ตลาดเริ่มรับข่าวกรณีที่ปธน.ทรัมป์ ของสหรัฐ ปลดนายจอห์น โบลตัน จากการเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ โดยนายโบลตัน ได้ออกมายืนยันว่าเขาถูกขอให้ลาออกเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะประกาศอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ โบลตัน ถือว่ามีบทบาทสําคัญด้านการฑูตสหรัฐ รวมทั้งยังเป็นผู้มีส่วนกําหนดให้สหรัฐควํ่าบาตรอิหร่าน การลาออกของเขา อาจเป็นสัญญานสําคัญที่ทําให้เกิดการเจรจาระหว่างปธน.ทรัมป์ กับ ปธน.ฮันซัน รูฮานี ของอิหร่าน ในอนาคต ซึ่งประเด็นขัดแย้งสหรัฐและอิหร่านได้หนุนให้ราคาทองคําพุ่งขึ้นในช่วงก่อนหน้า หากทั้งสองประเทศกลับมามีความสัมพันธ์เชิงบวก อาจสร้างแรงขายเข้าสู่ตลาดทองคําได้เช่นกัน ด้านปัจจัยทางเทคนิคประเมินว่า หากราคาทองคําทดสอบแนวต้านที่ 1,502 ดอลลาร์ต่อออนซ์แต่หากยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทํากําไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคํามีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากการอ่อนลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,479 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินว่าเป็นยังมีโอกาสดีดตัวขึ้นได้ระยะสั้น แนะนํากลยุทธ์ เน้นการลงทุนระยะสั้นโดยแบ่งขายหากราคาดีดตัวขึ้นไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ 1,502 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเมื่อราคาทองอ่อนตัวลงอาจทยอยซื้อคืนหากไม่หลุดแนวรับ 1,479 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และลดการถือทองคําลงหากราคาหลุด 1,479 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่มา ylgbullion.co.th