บัตรประชาชน เป็นเอกสารราชการสำคัญที่ใช้พิสูจน์และแสดงตัวตนในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบัญชีธนาคาร การสมัครงาน หรือการติดต่อราชการ โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่มีสัญชาติไทยและมีชื่อในทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) รวมถึงมีอายุ 7 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 70 ปี จะต้องมีบัตรประชาชน สำหรับบางกลุ่มบุคคล เช่น ผู้มีอายุเกิน 70 ปี ผู้ที่ศึกษาวิชาในต่างประเทศ ผู้อยู่ในที่คุมขัง ผู้มีกายพิการ ภิกษุ สามเณร นักพรต นักบวช พระบรมวงศานุวงศ์ และสมเด็จพระบรมราชินี จะได้รับการยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด
บัตรประชาชนคืออะไรและใครบ้างที่ต้องมี
บัตรประชาชนเป็นเอกสารที่สำคัญในการยืนยันตัวตนของบุคคลในประเทศไทย โดยมีคุณสมบัติดังนี้
- สัญชาติไทย: ผู้ที่ต้องมีบัตรประชาชนต้องมีสัญชาติไทยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน (ท.ร.14)
- ช่วงอายุ: ผู้ที่มีอายุ 7 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปจนถึงไม่เกิน 70 ปีจะต้องมีบัตรประชาชน
- การยกเว้น: บุคคลที่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย เช่น
- ผู้มีอายุเกิน 70 ปี (ถึงแม้จะขอมีบัตรก็ได้)
- ผู้ที่ศึกษาวิชาในต่างประเทศและไม่สามารถยื่นขอมีบัตรได้
- ผู้อยู่ในที่คุมขัง
- ผู้มีกายพิการ
- ภิกษุ สามเณร นักพรต และนักบวช
- บุคคลในพระบรมวงศานุวงศ์ตั้งแต่ชั้นพระองค์เจ้าขึ้นไป
- สมเด็จพระบรมราชินี
เอกสารและขั้นตอนการทำบัตรประชาชนใหม่ในปี 2568
การทำบัตรประชาชนใหม่หรือการถ่ายบัตรประชาชนใหม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเหตุผลที่ต้องดำเนินการ โดยเอกสารที่ต้องเตรียมมีรายละเอียดแตกต่างกันไปตามกรณี ดังนี้
1. กรณีบัตรหมดอายุ
- เอกสารที่ต้องเตรียม:
- บัตรประชาชนเดิม
- หากบัตรหมดอายุเป็นระยะเวลานาน จำเป็นต้องมีเจ้าบ้านหรือบุคคลน่าเชื่อถือมารับรอง
- ข้อควรทราบ:
- สามารถขอทำบัตรใหม่ได้ก่อนวันหมดอายุ
- หากดำเนินการภายใน 60 วันหลังจากวันหมดอายุจะไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่หากเกิน 60 วันจะต้องเสียค่าปรับ 100 บาท
2. กรณีบัตรหายหรือถูกทำลาย
- เอกสารที่ต้องเตรียม:
- เอกสารที่มีรูปถ่ายของผู้ขอที่ออกโดยทางราชการ
- หากไม่มีหลักฐานดังกล่าว ต้องให้นำเจ้าบ้านหรือบุคคลน่าเชื่อถือมารับรอง
- ค่าใช้จ่าย:
- การทำบัตรใหม่ในกรณีบัตรหายหรือถูกทำลายเสียค่าใช้จ่าย 20 บาท แต่หากเกิน 60 วันนับจากวันที่บัตรหาย จะมีค่าปรับไม่เกิน 100 บาท
3. กรณีทำบัตรประชาชนครั้งแรกสำหรับเด็ก (อายุ 7 ขวบ)
- เอกสารที่ต้องเตรียม:
- สูติบัตรหรือหลักฐานอื่นที่ออกโดยราชการเพื่อยืนยันตัวตนตามชื่อในทะเบียนบ้าน
- หากเด็กเคยเปลี่ยนชื่อ-สกุล ต้องนำหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ-สกุลมาแสดง
- กรณีบิดามารดาเป็นต่างด้าว ให้แสดงใบสำคัญประจำตัว
- ข้อควรทราบ:
- การทำบัตรประชาชนครั้งแรกสำหรับเด็กไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่หากดำเนินการเกิน 60 วันจะต้องเสียค่าปรับ 100 บาท
4. กรณีเปลี่ยนชื่อ-สกุลหรือเปลี่ยนคำนำหน้านาม
- เอกสารที่ต้องเตรียม:
- บัตรประชาชนเดิม
- หลักฐานการเปลี่ยนชื่อ-สกุลหรือหลักฐานการเปลี่ยนคำนำหน้านามที่ออกโดยทางราชการ
- ค่าใช้จ่าย:
- ปกติจะเสียค่าใช้จ่าย 20 บาท แต่หากดำเนินการเกิน 60 วันนับจากวันเปลี่ยนแปลงในทะเบียนบ้าน จะต้องเสียค่าปรับ 100 บาท
5. กรณีบุคคลพ้นสภาพและกรณีอายุเกิน 70 ปี
- เอกสารที่ต้องเตรียม:
- บุคคลพ้นสภาพ: หลักฐานแสดงว่าพ้นสภาพหรือหนังสือเดินทางและเอกสารที่แสดงว่าผู้ขอเป็นผู้สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ
- ผู้ที่อายุเกิน 70 ปี: บัตรประชาชนเดิม (ถ้ามี) และสำเนาทะเบียนบ้าน
- ค่าใช้จ่าย:
- การทำบัตรประชาชนสำหรับผู้ที่อายุเกิน 70 ปีไม่เสียค่าใช้จ่าย
6. กรณีย้ายที่อยู่หรือเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน
- เอกสารที่ต้องเตรียม:
- บัตรประชาชนเดิม
- เอกสารการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในทะเบียนบ้าน (เช่น การย้ายที่อยู่ หรือเพิ่มชื่อ)
- ค่าใช้จ่าย:
- ไม่เสียค่าใช้จ่ายหากดำเนินการภายใน 60 วัน แต่หากเกินกำหนดจะต้องเสียค่าปรับ 100 บาท
7. กรณีได้รับหรือได้กลับคืนสัญชาติไทย
- เอกสารที่ต้องเตรียม:
- หนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติหรือหนังสือแสดงการได้กลับคืนสัญชาติไทย
- เอกสารหลักฐานอื่น ๆ ที่ทางราชการออกให้
- ข้อควรทราบ:
- ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่หากดำเนินการเกิน 60 วันจะมีค่าปรับ 100 บาท
สถานที่และวิธีการทำบัตรประชาชนใหม่ในปี 2568
การดำเนินการทำบัตรประชาชนใหม่สามารถติดต่อและยื่นคำร้องได้ที่หน่วยงานของกรมการปกครอง เช่น
- ที่ว่าการอำเภอ
- สำนักงานเขต
- สำนักงานเทศบาล
- สำนักบริหารการทะเบียน
นอกจากนี้ บริการด่วนมหานครยังเปิดให้บริการทำบัตรประชาชนที่จุดบริการพิเศษในสถานีรถไฟฟ้า BTS ซึ่งมีบริการดังนี้
- สถานี BTS หมอชิต (ทางออก 2)
- สถานี BTS อุดมสุข (ทางออก 3)
- สถานี BTS วงเวียนใหญ่ (ทางออก 1)
- ศูนย์การค้า MBK Center (ชั้น 5 โซน A)
ผู้ขอสามารถจองคิวล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน “BMA Q” ซึ่งให้บริการฟรีทั้งในระบบ iOS และ Android อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่บัตรประชาชนหาย จะไม่สามารถใช้บริการที่สถานีรถไฟฟ้า BTS ได้
ข้อแนะนำในการดำเนินการและการป้องกันค่าปรับ
เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียค่าปรับหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ผู้ขอควรตรวจสอบเอกสารหรือหลักฐานที่จำเป็นให้ครบถ้วนและดำเนินการทำบัตรประชาชนใหม่ภายในระยะเวลา 60 วันจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น
- วันหมดอายุของบัตรประชาชน
- วันบัตรประชาชนหายหรือถูกทำลาย
- วันเปลี่ยนแปลงข้อมูลในทะเบียนบ้าน
การปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่ยังเป็นการรักษาความถูกต้องและความสมบูรณ์ของเอกสารราชการที่สำคัญ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวันและการทำธุรกรรมกับรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
การทำบัตรประชาชนใหม่ หรือ การถ่ายบัตรประชาชนใหม่ในปี 2568 มีความสำคัญในการยืนยันตัวตนและเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของประชาชนไทย ไม่ว่าจะเป็นกรณีบัตรหมดอายุ บัตรหาย ทำบัตรครั้งแรกสำหรับเด็ก หรือการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ขอควรเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด (ภายใน 60 วัน) เพื่อลดความเสี่ยงในการเสียค่าปรับและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานที่เกี่ยวข้องหรือใช้บริการจุดบริการด่วนมหานครที่สถานีรถไฟฟ้า BTS ตามที่ได้ระบุไว้ในบทความนี้ เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการทำบัตรประชาชนใหม่ตามหลักเกณฑ์และข้อบังคับของทางราชการ.